ทำไมต้องทำธุรกิจ MLM

ถ้าคุณรู้สึกเบื่องานประจำ เบื่อที่จะต้องรับมือกับเจ้านายหรือลูกค้าจอมโวย เบื่อการเมืองภายในที่ทำให้ไม่ได้เลื่อนขั้นสักที หรือรู้สึกแย่ที่เงินขาดมือชักหน้าไม่ถึงหลัง

คุณก็คงเป็นคนนึงที่พยายามหารายได้เพิ่ม คุณอาจจะเคยทำ OT เคยเพิ่มวุฒิการศึกษา หรือย้ายงานใหม่ แต่เมื่อคุณย้อนกลับไปดู คุณอาจพบว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตคุณจริงๆ ปัญหาเก่าๆก็ยังคงกลับมาหลอกหลอนคุณอยู่ดี

วันนึงคุณก็พบว่าคุณต้องทำธุรกิจ เพราะมันยั่งยืนกว่า และแก้ปัญหาเรื่องที่ว่ามาได้จริง แต่ทำไมต้องเป็นธุรกิจ MLM วันนี้เรามาหาคำตอบกัน

1. โอกาสในการสร้างธุรกิจที่ดีที่สุด

“Opportunity does not knock, it presents itself when you beat down the door.”
Kyle Chandler

“โอกาสไม่มาเคาะประตูบ้านคุณหรอก แต่มันจะปรากฎตัวหลังประตูที่คุณเคาะต่างหาก” เป็นคำพูดของ Kyle Chandler นักแสดงชาวอเมริกัน

การสร้างธุรกิจในปัจจุบันมี 3 รูปแบบใหญ่ๆ คือ สร้างธุรกิจด้วยตัวเอง ซื้อแฟรนไชส์ และทำธุรกิจ MLM

  • สร้างธุรกิจด้วยตัวเอง: สิ่งที่คุณจะพบคือ มัน “โครตยาก” จนแทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะคุณต้องมีทั้งเงินทุน (ตั้งแต่ 100,000-10,000,000 บาท) และทักษะในการสร้างธุรกิจ ถ้าคุณแค่มีเงินทุนอย่างเดียว ธุรกิจคุณคงอยู่รอดไม่เกิน 10 ปี เพราะสถิติบอกว่า 9 ใน 10 ของธุรกิจใหม่เจ๊งภายใน 10 ปี ส่วนถ้าคุณมีแต่ทักษะอย่างเดียว คุณก็ต้องกู้เงินทำธุรกิจ คุณอาจจะไปไม่รอดเมื่อเผชิญกับเศรษฐกิจตกต่ำ เพราะคุณมีสายป่านไม่ยาว คุณจะไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยได้ แล้วก็เจ๊งในที่สุด
  • ซื้อแฟรนไชส์: การซื้อแฟรนไชส์นั้นเสี่ยงต่ำกว่าสร้างธุรกิจด้วยตัวเอง เพราะเจ้าของแฟรนไชส์จะเปิดเผยทักษะในการสร้างธุรกิจให้คุณรู้ แต่สิ่งที่คุณต้องมีคือ เงินทุน (ตั้งแต่ 100,000-10,000,000 บาท) ที่จะไปซื้อแฟรนไชส์ ถ้าไม่มีคุณก็ปิดประตูข้อนี้ไปได้เลย
  • ทำธุรกิจ MLM: ธุรกิจ MLM นั้น คุณสามารถเริ่มธุรกิจได้โดยมีความเสี่ยงที่ต่ำที่สุด ด้วยเงินทุนที่ต่ำมาก (ตั้งแต่ 100-3,000 บาท) ในขณะเดียวกันก็มีศักยภาพที่จะสร้างรายได้ให้กับคุณไม่ต่างจาการสร้างธุรกิจด้วยตัวเอง หรือซื้อแฟรนไชส์เลย และคุณยังได้รับโอกาสพัฒนาทักษะในการสร้างธุรกิจฟรี เหมือนกับซื้อแฟรนไชส์

ธุรกิจ MLM ให้โอกาสที่ดีที่สุดที่คุณจะได้สร้างและเป็นเจ้าของธุรกิจ เพราะคุณจะไม่มีข้อจำกัดด้านเงินทุน และทักษะในการสร้างธุรกิจ มีศักยภาพที่สร้างธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ ในขณะที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุด ต่ำกว่าการสร้างธุรกิจด้วยตัวเองและซื้อแฟรนไชส์ และไม่ต้องกู้เงินแม้แต่บาทเดียว

2. เปลี่ยนรายจ่ายเป็นรายได้

“Change brings opportunity.”
Nido Qubein

“การเปลี่ยนแปลงนำมาซึ่งโอกาส” เป็นคำพูดของ Nido Qubein นักพูด และนักธุรกิจชาวอเมริกัน

ธุรกิจ MLM เปิดโอกาสให้คุณมีส่วนร่วมในค่าการตลาด 60% ของราคาสินค้า ที่เคยเป็นของบริษัทผลิตสื่อโฆษณา ผู้ค้าส่ง และผู้ค้าปลีก

ซึ่งทุกวันนี้คุณก็ยังคงทำการตลาดให้กับเจ้าของสินค้าฟรีๆ ด้วยความ “เต็มใจ” เป็นอย่างยิ่ง เพราะงานวิจัยบ่งชี้ว่า 10% ของคนที่ซื้อสินค้า ซื้อเพราะเห็นดาราที่งชอบมาโปรโมทสินค้าในสื่อโฆษณา

ส่วนอีก 90% ที่เหลือนั้น ซื้อสินค้าเพราะเพื่อน 10% แรกมาเล่าให้ฟังว่าใช้แล้วถูกใจ แสดงให้เห็นว่า Word of Mouth หรือการพูดแบบปากต่อปากเป็นเทคนิคทางการตลาดที่ทรงพลังมาก

และคุณก็คงเป็นคนนึงที่เคยเป็น 10% แรก คุณอาจจะเคยไปดูหนังที่เพิ่งเข้าโรงแล้วไปเล่าให้เพื่อนฟังว่ามันเจ๋งมาก หรือคุณอาจจะเคยกินขนมกรุบกรอบยี่ห้อหนึ่งแล้วก็ไปเล่าให้เพื่อนฟังว่ามันอร่อยมาก แต่คุณไม่เคยได้อะไรจากผู้ผลิตเลย

ถ้าคุณเข้ามาทำธุรกิจ MLM คุณจะได้มีโอกาสให้เปลี่ยนรายจ่ายที่คุณซื้อสินค้า มาเป็นรายได้ที่คุณแชร์ประสบการณ์การใช้สินค้าด้วยความ “เต็มใจ” ที่คุณทำให้คนอื่นฟรีๆ มาตลอดชีวิต

3. อิสรภาพด้านเวลา

“Time is more value than money. You can get more money,
but you cannot get more time.”
Jim Rohn

“เวลามีคุณค่าเหนือกว่าเงิน คุณหาเงินเพิ่มได้ แต่คุณไม่สามารถหาเวลาเพิ่มได้” มาจากคำพูดของ Jim Rohn นักพูด และนักธุรกิจชาวอเมริกัน

เวลาของทุกคนนั้นมีอยู่จำกัด หนึ่งวัน 24 ชั่วโมงเท่ากัน แล้วเราก็ไม่รู้ด้วยว่าเราจะจากโลกใบนี้ไปเมื่อไหร่ สำหรับเงินนั้นคุณสามารถหาเพิ่มได้เรื่อยๆตราบเท่าที่คุณยังมีชีวิตอยู่

การหาเงินก็ยังแบ่งได้อีก 2 ทาง คือ “เลี้ยงชีวิต” และ “สร้างชีวิต”

  • เลี้ยงชีวิต: บางคนเลือกที่จะทำตัวเช้าชาม เย็นชาม กับงานประจำ และใช้ชีวิตให้อยู่รอดไปวันๆ โดยไม่สนใจว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร จะได้เลื่อนขั้นเป็นเจ้านายคนอื่นหรือเปล่าก็ไม่รู้
  • สร้างชีวิต: ในขณะที่บางคนขยันเต็มที่ ทำงานประจำก็ทำแบบชั้นเลิศ ได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งใหญ่โต มีเงินเดือนสูงพอจะสร้างชีวิตได้ หรือสร้างธุรกิจของตัวเองก็ทำเต็มที่ เพราะเค้าตระหนักรู้ว่าธุรกิจนี้เป็นของเค้าเอง จะอยู่จะรอดก็ขึ้นอยู่กับเค้า และเค้าก็ได้รับผลกำไรมหาศาล สามารถสร้างชีวิตได้เช่นกัน

แต่แค่สร้างชีวิตนั้นยังไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด เพราะต้องเป็นชีวิตที่มี “คุณภาพ” ด้วย จะมีประโยชน์อะไรถ้าคุณมีตำแหน่งใหญ่โตในบริษัท หรือเป็นเจ้าของธุรกิจ แต่ต้องทำงานวันละ 16 ชม. คุณไม่เคยมีเวลาไปทำอย่างอื่น ไม่เคยได้ดูแลครอบครัว พักผ่อนน้อย ทานอาหารขยะ และไม่เคยออกกำลังกาย

ชีวิตคุณก็คงแห้งแล้งมีแต่เงิน แต่ไม่มีเวลาของตัวเอง ไม่มีความสุข นอกจากคุณจะเป็นพวก “บ้างาน” จนไม่สนใจคนรอบข้าง

ถ้าคุณจะมีชีวิตที่มีคุณภาพ มันมีเพียง 2 คำตอบ คือ ธุรกิจขนาดใหญ่ร้อยล้านพันล้านที่คุณใช้เวลาดูแลน้อยมาก หรือธุรกิจ MLM

หากคุณไม่มีเงินทุน และไม่มีทักษะ ธุรกิจ MLM เป็นสิ่งเดียวที่จะตอบโจทย์นี้ได้ เพราะเมื่อคุณสร้างธุรกิจสำเร็จ คุณจะมีเครือข่ายผู้บริโภคที่เต็มใจซื้อสินค้าของคุณ โดยที่คุณไม่ต้องดูแลพนักงานแม้แต่คนเดียว

4. lifestyle

“To me, speed is really about convenience.”
Marissa Mayer

“สำหรับฉัน ความเร็วจริงๆแล้วมันคือความสะดวกสบาย” เป็นคำพูดของ Marissa Mayer นักธุรกิจชาวอเมริกัน

 ชีวิตของคนทั่วไปไม่ว่าจะทำงานประจำ หรือทำธุรกิจส่วนตัว ล้วนแล้วแต่ติดอยู่กับชีวิตแบบ 20-40-5 นั่นคือ เรียนรู้ใน 20 ปีแรก เลี้ยงชีวิตหรือสร้างชีวิตใน 40 ปีต่อมา และใช้ชีวิตในอีก 5 ปีสุดท้าย แล้วก็ตายจากโลกนี้ไป

เพราะฉะนั้นคุณทำงานประจำ หรือทำธุรกิจส่วนตัว กว่าคุณจะปลีกตัวมาใช้ชีวิตได้จริงๆก็คงต้องหลังอายุ 60 ปี กว่าที่คุณจะมีเงินพอที่จะไปเที่ยวต่างประเทศ หรือให้รางวัลกับชีวิตด้วยวิธีอื่นก็ตาม

เพราะมันเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะหยุดทำงานไปเป็นปีๆ แล้วสามารถกลับไปต่อยอดสิ่งที่ที่อยู่ได้

แต่สิ่งหนึ่งที่คุณไม่มีแน่ๆในวันที่คุณอายุ 60 ปี นั่นคือ คุณมีเงิน มีเวลา แต่คุณไม่มีแรงพอที่จะทำสิ่งที่คุณอยากทำตอนที่คุณยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว เดินป่าก็ไม่ไหว หรือเล่นกีฬา Extreme ก็ไม่ได้

แต่ถ้าคุณเลือกเครื่องมือที่ใช้สร้างชีวิต เป็นธุรกิจ MLM คุณจะเปลี่ยนรูปแบบชีวิตจาก 20-40-5 เป็น 20-5-40 นั่นคือคุณจะใช้เวลาสร้างชีวิตเพียง 5 ปี และ 40 ปีที่เหลือใช้ชีวิตอย่างมีความสุขสุดๆ

เพราะคุณจะมีครบทั้ง 3 อย่าง นั่นคือ เงิน เวลา และแรง ที่จะให้คุณออกแบบ Lifestyle อย่างที่คุณอยากจะเป็น

5. สุขภาพ

“Health is the greatest gift, contentment the greatest wealth,
faithfulness the best relationship.”

Buddha

“อโรคยา ปรมาลาภา” หรือ “ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ” เป็นพุทธวจนะ ของพระพุทธเจ้า

เมื่อคุณทำธุรกิจ MLM คุณจะเป็นคนที่มีสุขภาพดี ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพใจ

ในแง่สุขภาพกาย คุณจะได้รับการปลูกฝังและตระหนักในเรื่องการกินและการใช้ชีวิตอย่างถูกวิธี ซึ่งเป็นผลพลอยได้ที่พิเศษที่สุด

เพราะธุรกิจ MLM มักจะมีผลิตภัณฑ์หลักเป็นอาหารเสริม ซึ่งเมื่อคุณอยู่ในธุรกิจนี้ คุณก็จะได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนตามที่ร่างกายของมนุษย์ต้องการ

นอกจากนี้ เมื่อคุณประสบความสำเร็จคุณก็จะมีเวลามากขึ้น ทำให้คุณไม่ต้องกินอาหารขยะ และมีเวลาออกกำลังกาย ปัญหาเรื่องสุขภาพกายของคุณก็จะลดลง

ส่วนในแง่ของสุขภาพใจ เมื่อคุณประสบความสำเร็จ คุณจะใช้ชีวิตอย่างไร้กังวล เพราะปัญหาด้านการเงินของคุณหมดไป คุณก็จะเป็นคนที่มีสุขภาพใจที่ดีด้วย

You cannot copy content of this page