1. เลือกบริษัท
“The secret of success is to be ready when your opportunity comes.”
Benjamin Disraeli
“ความลับของความสำเร็จอยู่ที่ความพร้อมของคุณเมื่อโอกาสมาถึง” เป็นคำพูดของ Benjamin Disraeli รัฐบุรุษ และนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ
วันนี้โอกาสที่จะสร้างความสำเร็จได้มาถึงคุณแล้ว และคุณก็พร้อมสำหรับมันด้วย เพราะคุณสนใจที่จะทำธุรกิจ MLM แต่ขั้นแรกสุดที่คุณจะต้องทำคือ คุณต้องเลือกบริษัทที่จะมาเป็น Partner ของคุณก่อน
การเลือก Partner ต้องดูจากหลายปัจจัย เช่น ตัวบริษัทเอง เพราะคุณต้องคำนึงถึงความมั่นของธุรกิจ แผนการตลาดทำให้เราสร้างธุรกิจง่ายหรือยาก เพราะเป็นที่มาของรายได้ สินค้าของบริษัทดีหรือไม่ เพราะคุณภาพของสินค้าจะตัดสินการยืนระยะของบริษัท ความยากง่ายในการทำธุรกิจ เพราะมันบ่งชี้ว่าคุณมีโอกาสสำเร็จมากแค่ไหน
นอกจากนี้คุณยังต้องสนใจเรื่องความเหมาะสมของคุณกับธุรกิจด้วย ทำแล้วคุณต้องไม่เบียดเบียนตัวเอง ไม่อย่างนั้นตัวคุณเองจะยืนระยะในธุรกิจนี้ไม่ได้
2. ลองใช้สินค้า
“Sell yourself first, if you want to sell anything.”
Burt Lancaster
“ขายให้ตัวคุณเองก่อน ถ้าคุณอยากจะขายอะไรซักอย่าง” เป็นคำพูดของ Burt Lancaster นักแสดง และผู้กำกับชาวอเมริกัน
ธุรกิจ MLM เปิดโอกาสให้คุณได้เป็นเจ้าของธุรกิจผ่านทางแผนการตลาดก็จริง แต่ขึ้นชื่อว่าธุรกิจแล้วย่อมต้องขับเคลื่อนด้วยสินค้า
คุณคงไม่อยากให้ธุรกิจของคุณเต็มไปด้วยคนร่วมธุรกิจมากมาย แต่กลับไม่มีใครใช้สินค้าของคุณเลย ฉะนั้นก็ต้องเริ่มที่ตัวคุณเองลองซื้อใช้สินค้าของบริษัท
นอกจากนี้พอคุณซื้อใช้สินค้าของบริษัทแล้ว คุณก็จะมีประสบการณ์จากการใช้สินค้าคุณภาพสูง ไปบอกเล่าให้คนอื่นฟังด้วยความจริงใจกว่าที่คุณจะไม่เคยลองใช้สินค้า อย่างแน่นอน
3. เรียนรู้และเตรียมตัวสร้างธุรกิจ
“Develop a passion for learning. If you do, you will never cease to grow.”
Anthony J. D'Angelo
“ถ้าคุณหลงไหลในการเรียนรู้ คุณจะเติบโตได้ไม่รู้จบ” มาจากคำพูดของ Anthony J. D'Angelo นักพูด และนักเขียนชาวอเมริกัน
มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าคุณไปชวนเพื่อนเข้าร่วมธุรกิจโดยที่คุณไม่รู้อะไรเลย คุยกับเค้าก็ไม่รู้เรื่อง เจอข้อโต้แย้งก็ตอบไม่ได้ สินค้าดีอย่างไรก็ไม่รู้
ฉะนั้นก่อนที่คุณจะเริ่มสร้างเครือข่ายอย่างเต็มรูปแบบ คุณต้องเริ่มจากการเรียนรู้อย่างเต็มรูปแบบกับ Upline ของคุณก่อน
คุณต้องเรียนรู้ว่า ธุรกิจ MLM คืออะไร ทำไมต้องธุรกิจ MLM สินค้าของบริษัท และแผนการตลาดของบริษัท ไม่ว่าจะผ่านทางการบอกเล่าของ Upline ฟัง CD หรือ Video Clip ที่ Upline แนะนำ
นอกจากนี้คุณยังต้องศึกษาวิธีการตอบข้อโต้แย้ง ซึ่งมีประโยชน์ทั้ง 2 ด้าน คือ เคลียร์ข้อสงสัยของตัวคุณเอง และยังสามารถนำไปใช้ตอบผู้มุ่งหวังเพื่อเคลียร์ข้อสงสัยของเค้าได้อีกด้วย
4. เข้าประชุมและร่วมการอบรม
“I think The Big Picture was such a huge shift from my second record.”
Michael W. Smith
“เมื่อผมตระหนักได้ถึงความสำคัญของภาพใหญ่ มันก็สร้างความแตกต่างระหว่างอัลบั้ม 3 กับอัลบั้ม 2 อย่างมหาศาล” มาจาก Michael W. Smith นักร้อง และนักแต่งเพลงชาวอเมริกัน
ถ้าแค่คุณคุยกับ Upline คุณอาจจะยังคิดว่าธุรกิจ MLM เป็นแค่ธุรกิจเล็กๆ ไม่มีความสำคัญสักเท่าไหร่ หรือคุณอาจจะคิดว่า เรียนรู้กับแค่ Upline ก็เพียงพอแล้วสำหรับการสร้างธุรกิจ
แต่ถ้าคุณไม่มาเข้าร่วมการประชุม หรืออบรมสัมมนา คุณจะไม่ได้มิติอื่นๆของการเรียนรู้ นั่นคือเรียนรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ความคิดเห็นกับสมาชิกคนอื่นที่ทำธุรกิจ MLM เหมือนกับเรา
นอกจากนี้หากคุณไม่ได้ไปงานสัมมนาระดับประเทศของบริษัท ก็จะทำให้คุณพลาดโอกาสรับฟังวิสัยทัศน์ของเจ้าของบริษัท ว่าเค้าจะนำพาบริษัทไปสู่จุดไหน
รวมถึงพลาดเทคนิคการทำธุรกิจจากผู้นำระดับสูงของบริษัทคุณด้วย
5. เริ่มชวนคนเพื่อการ Sponsor
“If you are really thankful, what do you do? You share.”
W. Clement Stone
“ถ้าคุณรู้สึกเปี่ยมล้นกับสิ่งที่คุณได้รับ คุณจะทำยังไง คุณแบ่งปันมันให้กับคนอื่นไง” เป็นคำพูดของ W. Clement Stone นักธุรกิจด้านประกันภัยชาวอเมริกัน
หลังจากที่คุณทำ 4 ขั้นตอนก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว คุณก็มีความรู้ทั้งในด้านแนวคิดธุรกิจ MLM สินค้า แผนการตลาด และการตอบข้อโต้แย้งกับผู้มุ่งหวัง ก็ถึงเวลาที่คุณจะออกลุยและลงมือทำเพื่อสร้างธุรกิจของคุณเอง
หน้าที่ของคุณคือ ชวนคนมาเพื่อทำการ Sponsor อาจจะเริ่มด้วยการไปกับ Upline ก่อนในครั้งแรกๆ จนเมื่อคุณเริ่มชำนาญในการเปิดใจผู้มุ่งหวัง ก็ถึงเวลาที่คุณจะฉายเดี่ยวสร้างธุรกิจด้วยตัวเองแล้ว
6. วางแผนการสร้างสายงานและติดตามผล
“The best way to predict the future is to create it.”
Peter Drucker
“วิธีที่ดีที่สุดในการทำนายอนาคตคือสร้างมันขึ้นมา” เป็นคำพูดของ Peter Drucker ศาสตราจารย์และที่ปรึกษาด้านการจัดการชาวอเมริกัน
เมื่อคุณเริ่มชวนผู้มุ่งหวังว่าเพื่อเปิดใจ และสามารถปิดการ Sponsor ได้สำเร็จ สิ่งสำคัญที่คุณต้องทำต่อไปคือ วางแผนกับ Upline ว่าคุณจะต่อสายงานและสร้างสายงานอย่างไรดี ตามแบบที่ในสายงานของคุณแนะนำ เช่น แผนแบบ Stair-Step ควรจะสร้างอย่างไร หรือแผนแบบ Binary ควรจะต่อคนลงมาอย่างไร
แล้วคุณก็ต้องปรึกษา Upline ว่า Downline ของคุณคนไหนที่ดูมุ่งมั่นเอาจริงเอาจัง ที่คุณจะสามารถตั้งเป้าหมายเพื่อลุยสร้างธุรกิจไปพร้อมๆกันได้
มันจะไม่มีประโยชน์เลยถ้าคุณเอาแต่ Sponsor คนเข้ามาอย่างเดียวแต่ไม่มีการติดตามผล หรือไปช่วยเค้าสร้างธุรกิจ เพราะสุดท้ายคุณและเค้าจะยืนระยะในธุรกิจนี้ไม่ได้ เพราะขาดแนวทางและกลยุทธ์ในการสร้างสายงาน